วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ประวัติขนมไทย




ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ งานแต่ง เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
ขนมไทยดั้งเดิม มีส่วนผสมคือ แป้ง น้ำตาล กะทิ เท่านั้น ส่วนขนมที่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน นั้น มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวชาวโปรตุเกส เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ ก็คือขนมจากไข่ และเชื่อกันว่าชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ เช่น รับประทานฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน รับประทาน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน รับประทาน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เจริญ รับประทานขนมทองเอก ก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ตำราอาหารไทยเล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์
ในสมัยต่อมาเมื่อการค้าเจริญขึ้นในตลาดมีขนมนานาชนิดมาขาย และนับว่าเป็นยุคที่ขนมไทยเป็นที่นิยม

ประเภทขนมไทย

ประเภทกวน 

          กวน  หมายถึง การนำอาหาร อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งโดยมากเป็น ของเหลวผสม ให้รวมเข้าเป็นเนื้อ เดียวกันจนข้นและเหนียว โดยใช้เครื่องมือชนิดใดชนิดหนึ่งคนอาหารไปจนทั่วด้วยความแรงและเร็วไปในทิศทางเดียวกัน จนอาหารนั้นเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน เช่น ขนมเปียกปูน ซ่าหริ่ม ขนมตะโก้   ฯลฯ 


ประเภทนึ่ง 


           การนึ่ง คือ การให้ความร้อนขึ้นกับ อาหารที่ต้องการทำให้สุกโดยการใช้ ภาชนะ 2 ชั้น ชั้นล่างสำหรับใส่น้ำ ต้มให้เดือด ชั้นบนมีช่องหรือตะแกรงสำหรับวางอาหารหรือมีภาชนะที่มี แผ่นตะแกรงเพื่อวางอาหารเหนือน้ำ และไอน้ำเดือดจากด้านล่างสามารถ ลอยตัวขึ้นเบื้องบนผ่านตะแกรงทำ ให้อาหารสุกได้ เช่น การนึ่งขนม ปุยฝ้าย  ฯลฯ

ประเภทเชื่อม

                ขนมประเภทเชื่อม    เป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือดจนสุก เช่น กล้วยเชื่อม จาวตาลเชื่อม  และขนมเชื่อมที่ทำจากไข่ทั้งหลาย เช่น  ทองหยิบ ทองหยอด  ฝอยทอง  ซึ่งเรามักเรียกว่าขนมเครื่องทอง  ขนมประเภทนี้ เป็นขนมที่ทำจากไข่แดง แต่เดิมตำรับขนมไทยมีวัตถุดิบเพียง 3 อย่าง คือ แป้ง น้ำตาล และมะพร้าว ไม่ค่อยมีการใช้ไข่เป็นส่วนผสม อาจเป็นเพราะไข่มีกลิ่นคาว มักใช้ทำอาหารคาวเป็นกับข้าวมากกว่า  แต่ท้าวทองกีบม้า ต้นเครื่องคนสำคัญในรัชสมัยของพระนารายณ์มหาราช   เป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทคิดค้นประยุกต์เอาขนมฝรั่งเข้ามาผสมผสานกับเครื่องปรุงขนมไทย   จนทำให้มีรสชาติ และหน้าตาที่แตกต่างมากมาย เป็นที่เลื่องชื่อตราบจนทุกวันนี้

ประเภททอด

ขนมประเภททอด    เป็นการทำขนมให้สุก ด้วยการนำขนมที่ต้องการจะทอด ใส่ลงในกระทะที่มีน้ำมัน ตั้งไฟร้อน แล้วทอดจนขนมสุกเหลืองตามต้องการ  เช่น ขนมกง ขนมสามเกลอ


ประเภทอบ

           หมายถึง โดยการนำขนมที่ต้องการอบใส่ภาชนะ แล้วนำเข้าเตาอบที่มีความร้อนรอบตัวโดยใช้ไฟล่างและไฟบน โดยจุดเตาอบล่วงหน้า ประมาณ 10 นาที การอบต้องควบคุมความร้อนให้สม่ำเสมอและควบคุมให้เหมาะกับชนิดของขนมที่จะนำมาอบขนมไทยบางชนิด ต้องใช้ความร้อนต่ำใช้เวลาอบนาน เช่น การอบขนมแบบไทยที่เรียกว่าการผิง เช่น ขนมหม้อแกง ขนมไทยบางชนิด ใช้ความร้อนปานกลาง ระยะเวลาสั้น เช่น ขนมกลีบลำดวน

ประเภทต้ม

ขนมที่ทำให้สุกด้วยการต้ม ขนมประเภทนี้จะใช้หม้อหรือกระทะต้มน้ำให้เดือด ใส่ขนมลงไปจนสุกแล้วตักขึ้น นำมาคลุกหรือโรยมะพร้าว ได้แก่ขนมเหนียว  นอกจากนี้ยังรวมขนมประเภทน้ำ ที่นิยมนำมาต้มกับกะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็นขนมเปียก และขนมที่กินกับน้ำเชื่อมและน้ำกะทิ เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคูเปียก ลอดช่อง



ขนมไทยในพิธีกรรมและงานเทศกาล

ขนมไทยในงานเทศกาล


  • งานตรุษสงกรานต์ ที่พระประแดง และราชบุรี ใช้กะละแมเป็นขนมประงานตรุษ
  • สารทไทย เดือน 10 ทุกภาคยกเว้นภาคใต้ ใช้กระยาสารทเป็นขนมหลัก นอกจากนั้น อาจมี ข้าวยาคู ข้าวมธุปายาส ข้าวทิพย์ ส่วนทางภาคใต้ จะมี ขนมสารทเดือนสิบ โดยใช้ขนมลา ขนมพอง ขนมท่อนใต้ ขนมบ้า ขนมเจาะหูหรือขนมดีซำ ขนมต้ม (ข้าวเหนียวใส่กะทิห่อใบกะพ้อต้ม ต่างจากขนมต้มของภาคกลาง) ยาสาด (กระยาสารท) ยาหนม (กะละแม)  โดยขนมแต่ละชนิดที่ใช้มีความหมายคือ ขนมพอง เป็นแพพาข้ามห้วงมหรรณพ ขนมกงหรือขนมไข่ปลา เป็นเครื่องประดับ ขนมดีซำเป็นเงินเบี้ยสำหรับใช้สอย ขนมบ้า ใช้เป็นลูกสะบ้า ขนมลาเป็นเสื้อผ้าแพรพรรณ 
  • เทศกาลออกพรรษา การตักบาตรเทโว เดือน 11 นิยมทำข้าวต้มผัดห่อด้วยใบตองหรือใบอ้อย ธรรมเนียมนี้มาจากความเชื่อทางศาสนาที่ว่า เมื่อประชาชนไปรอรับเสด็จพระพุทธเจ้าเมื่อทรงพุทธดำเนินจากเทวโลกกลับสู่โลกมนุษย์ ณ เมืองสังกัสสะ ชาวเมืองที่ไปรอรับเสด็จได้นำข้าวต้มผัดไปเป็นเสบียงระหว่างรอ[ บางท้องที่มีการทำข้าวต้มลูกโยนใส่บาตรด้วยเช่น ชาวไทยเชื้อสายมอญที่จังหวัดราชบุรี 
  • ในช่วงออกพรรษา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีประเพณีลากพระและตักบาตรหน้าล้อ ซึ่งจะใช้ขนมสองชนิดคือ ห่อต้ม (ข้าวเหนียวผัดกะทิห่อเป็นรูปสามเหลี่ยมด้วยใบพ้อ) และห่อมัด (เหมือนห่อต้มแต่ห่อด้วยใบจากหรือใบมะพร้าวอ่อนเป็นรูปสี่เหลี่ยมใช้เชือกมัด) ในช่วงถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ชาวไทยมุสลิมนิยมรับประทานขนมอาเก๊าะ
  • เดือนอ้าย มีพระราชพิธีเลี้ยงขนมเบื้อง เมื่อพระอาทิตย์โคจรเข้าราศีธนู นิมนต์พระสงฆ์ 80 รูป มาฉันขนมเบื้องในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย[
  • เดือนอ้ายในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีประเพณีให้ทานไฟ โดยชาวบ้านจะก่อไฟและเชิญพระสงฆ์มาผิงไฟ ขนมที่ใช้ในงานนี้มี ขนมเบื้อง ขนมครก ขนมกรอก ขนมจูจุน กล้วยแขก ข้าวเหนียวกวน ขนมกรุบ ข้าวเกรียบปากหม้อ ) 
  • เดือนสาม ทางภาคอีสานมีประเพณีบุญข้าวจี่ ซึ่งจะทำข้าวจี่ไปทำบุญที่วัด
  • ชาวไทยมุสลิมมีประเพณีกวนขนมอาซูรอในวันที่ 10 ของเดือนมูฮรอม
  • ขนมไทยในพิธีกรรมและความเชื่อ


    • การสะเดาะเคราะห์และแก้บนของศิลปินวายัง-มะโย่งของชาวไทยมุสลิมทางภาคใต้ ใช้ข้าวเหนียวสามสี (ขาว เหลือง แดง) ข้าวพอง (ฆีแน) ข้าวตอก (มือเตะ) รา (กาหงะ) และขนมเจาะหู (ลีงอโต๊ะแว)
    • ในพิธีเข้าสุหนัต ขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน นำเรือใหม่ลงน้ำ ชาวไทยมุสลิมนิยมทำขนมฆานม
    • ขนมที่ใช้ในงานแต่งงาน ในภาคกลางนอกกรุงเทพฯออกไปจะมีขนมกงเป็นหลัก นอกจากนั้นมีทองเอก ขนมชะมด ขนมสามเกลอ ขนมโพรงแสม ขนมรังนก บางแห่งใช่ขนมพระพายและขนมละมุดก็มี ในบางท้องถิ่น ใช้ กะละแม ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว ขนมชั้น ขนมเปียก ขนมเปี๊ยะ ถ้าเป็นตอนเช้า ยังไม่ถึงเวลาอาหาร จะมีการเลี้ยงของว่างเรียก กินสามถ้วย ได้แก่ ข้าวเหนียวน้ำกะทิ ข้าวตอกนำกะทิ ลอดช่องน้ำกะทิ บางแห่งใช้ มันน้ำกะทิ เม็ดแมงลักน้ำกะทิ บางท้องถิ่นใช้ขนมต้มด้วย
    • พิธีแต่งงานของชาวไทยมุสลิม จะมีพิธีกินสมางัตซึ่งเป็นการป้อนข้าวและขนมให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว ขนมที่ใช้มี กะละแมหรือขนมดอดอย ขนมก้อหรือตูปงปูตู ขนมลาและข้าวพอง
    • ขนมที่ใช้ในงานบวชและงานทอดกฐินของชาวไทยเชื้อสายมอญในจังหวัดราชบุรีได้แก่ ขนมปลาหางดอก และลอดช่องน้ำกะทิ
    • ในงานศพ ชาวไทยเชื้อสายมอญในจังหวัดราชบุรีนิยมเลี้ยงเม็ดแมงลักน้ำกะทิ 
    • การบูชาเทวดาในพิธีกรรมใดๆ เช่น ยกเสาเอก ตั้งศาลพระภูมิใช้ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว เป็นหลักในเครื่องสังเวยชุดธรรมดา  ชุดใหญ่เพิ่ม ข้าวตอก งาคั่ว ถั่วทอง ฟักทองแกงบวด ในพิธีทำขวัญจุกใช้ขนมต้มขาวต้มแดงด้วยเช่นกัน  เครื่องกระยาบวชในการไหว้ครูเพื่อทำผงอิทธิเจ ใช้ขนมต้มแดงต้มขาวเช่นกัน
    • พิธีเลี้ยงผีของชาวไทยเชื้อสายมอญในจังหวัดราชบุรีใช้ ขนมบัวลอย ขนมทอด 
    • ขนมที่ใช้ในพิธีไหว้ครูมวยไทยและกระบี่กระบอง ได้แก่ แกงบวด (กล้วย เผือกหรือมัน) เผือกต้ม มันต้ม ขนมต้มแดงต้มขาว ขนมชั้น ถ้วยฟู ฝอยทอง เม็ดขนุน
    • ในการเล่นผีหิ้งของชาวชอง บนหิ้งมีขนมต้ม 

วัตถุดิบในการทำขนม



       รูปลักษณ์ รสชาติ ของขนมไทยจะดีได้นั้น นอกจากกระบวนการทำที่ปราณีต ละเอียดอ่อน พิถีพิถันแล้ว ปัจจัยสำคัญที่จะขาดเสียมิได้คือวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ การเลือกใฃ้วัตถุดิบที่ถูกต้อง เหมาะกับประเภทขนมที่ต้องการจะทำ
  
     การเลือกใช้วัตถุดิบที่ไม่ถูกต้อง หรือผิดประเภท อาจส่งผลให้รสชาติ สีสัน ความเหนียวของเนื้อขนมที่ได้ ผิดเพี้ยนไปจากต้นตำรับ วัตถุดิบที่สำคัญที่ควรต้องรู้ต้องทราบในการทำขนมไทย ได้แก่



 
     * น้ำตาล (น้ำตาลทราย, น้ำตาลปี๊บ, น้ำเชื่อม)
     * แป้ง (แป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวเหนียว, แป้งมันสำปะหลัง, แป้งข้าวโพด, แป้งถั่วเขียว, แป้งเท้ายายม่อม และแป้งสาลี)
     * สี (ใบเตย, กาบมะพร้าว, ขมิ้น, อัญชน, ดอกดิน)
     * วัตถุดิบอื่นๆ (เกลือ, กลิ่น, กะทิ, สารช่วยให้ขึ้น และ ไข่)

สูตรขนมไทยยอดนิยม

 5 สูตรขนมไทยมาแรง เติมเต็มความหวานจนต้องบอกต่อที่สุดแห่งปี  คงต้องยกให้สูตรขนมทั้งหมดนี้เลย ออกตัวแรง ๆ ไว้ตรงนี้เลยว่า ทุกสูตรทำง่าย ลองหาวันว่าง ๆ สวมบทหญิงไทยใจเกินร้อยทำขนมไทยกันเถอะ


          คนที่ชอบทำขนมโดยเฉพาะเมนูขนมไทยมาทางนี้ ลองนึกทบทวนย้อนความหลังไปตั้งแต่เมื่อต้นปี 2558 ดูสิคะว่ามีขนมไทยเมนูไหนที่ฮิตแล้วยังไม่ได้ลองลงมือทำอีกบ้าง ถ้ายังคิดไม่ออกมาทางนี้เลย กระปุกดอทคอมนำเสนอวิธีทำ 10 สูตรขนมไทยยอดนิยมแห่งปี 2558 จะลองทำให้คนในครอบครัวชิมดูก็ได้ หรือจะทำให้คนพิเศษสุด ๆ ก็ดี หรือถ้าไม่มีใครช่วยกินก็ไม่ต้องแคร์ ทำเองกินเองได้เนอะ สบายใจ


         มาเริ่มที่ขนมไทยยอดนิยมเมนูแรกเลยคือ ขนมชั้น แอบกระซิบว่าทำไม่ยากเลยคุณขา มามะมาลองทำขนมชั้นกัน เนื้อขนมหวานมันและยังมีความเหนียวนุ่ม นอกจากทำเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมแล้วยังสามารถแปลงร่างเป็นรูปดอกไม้ หัวใจ ดาว หรืออื่น ๆ ตามชอบ และยังมีเทคนิคหั่นขนมชั้นให้สวยอีกด้วย นั่นแน่ คันไม้คันมือแล้วสิ ถ้าอย่างนั้นเข้าไปจดสูตรพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ



          ในเมื่อเมืองไทยกล้วยน้ำว้าสามารถหาได้ง่ายมาก ๆ คนไทยโบราณจึงนิยมจับมาทำขนมกล้วยอร่อย ๆด้วยเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มแทรกไปด้วยเนื้อกล้วยเต็ม ๆ ชิ้น รสชาติหวานเล็กน้อย อีกทั้งสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ตามใจ มีทั้งห่อใบตองเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำเป็นทรงกรวย หรือใส่ถ้วยตะไลกลม ๆ แบน ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำให้ขนมกล้วยกลายเป็นขนมไทยถูกอกถูกใจทุกเพศทุกวัยตลอดปี 2558




          ขนมฟักทอง ขนมไทยโบราณที่ยังคงติดใจผู้คนทุกสมัย เพราะด้วยทำง่ายใช้ส่วนผสมไม่กี่อย่าง ไม่ต้องประณีตอะไรมากแค่เอาส่วนผสมทุกอย่างมาผสมเข้าด้วยกันได้สบาย ๆ เนื้อเนียนสีเหลือง รสหวานเล็กน้อย กัดไปเจอแต่เนื้อฟักทองเน้น ๆ จะห่อใบตอง หรือใส่ถ้วยตะไลก็แล้วแต่เลยค่ะ ใครยังไม่ได้ลองทำต้องจัดเลยนะคะ เรามีวิธีทำขนมฟักทองมาฝากถึง 2 สูตรด้วยกัน สะดวกแบบไหนก็ลงมือเลย



4. สังขยาฟักทอง

          ขนมฟักทองก็ว่าอร่อยแล้วแต่ถ้าเจอสังขยาในลูกฟักทองแบบนี้เข้าไปทำให้จิตใจไว้เขวได้เหมือนกันนะคะ อีกหนึ่งขนมไทยยอดนิยมที่มีขายตามร้านขนมไทยทั่วไป แต่บางคนก็อยากจะลองทำเองที่บ้านดู อร่อยและคุ้มกว่ากันเยอะเลย รับรองกินกันเพลินเลยล่ะ





          ขนมครก เมนูขนมไทยสุดคลาสสิกที่กินมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งถ้าลองทำเองจะยิ่งมีความสนุกสนานด้วยการแคะขนมครกจากเตาด้วย เลือกโรยหน้าต่าง ๆ ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นหน้าต้นหอม ข้าวโพด เผือก หรือจะไม่โรยอะไรเลยก็ดี อ้อ… แล้วนอกจากจะอร่อยไปกับขนมครกกะทิแล้ว ยังมีขนมครกใบเตยเขียว ๆ เหนียว ๆ นุ่ม ๆ อีกด้วยนะ






ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากขนมของชาติอื่น

                 ไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการบริโภคแบบไทย จนทำให้คนรุ่นหลัง แยกไม่ออกว่าอะไรคือขนมที่เป็นไทยแท้ และอะไรดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมของชาติอื่น เช่น ขนมที่ใช้ไข่และขนมที่ต้องเข้าเตาอบ ซึ่งเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากคุณท้าวทองกีบม้าภรรยาเชื้อชาติญี่ปุ่น-โปรตุเกสของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ผู้เป็นกงสุลประจำประเทศไทยในสมัยนั้น ไทยมิใช่เพียงรับทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองมาเท่านั้น หากยังให้ความสำคัญกับขนมเหล่านี้โดยใช้เป็นขนมมงคลอีกด้วย ส่วนใหญ่ตำรับขนมที่ใส่ไข่มักเป็น "ของเทศ" เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอดจากโปรตุเกส



ขนมที่มีชื่อเสียงเฉพาะถิ่น

5 เมนูอาหารไทยโบราณหาทานยาก

1.แกงบุ่มไบ่  
อาหารไทยโบราณ แกงเนื้อไก่กับเครื่องเทศหลายชนิดส‹งกลิ่นหอมเข้มข้น คล้าย ๆ กับแกงมัสมั่น แกงกะหรี่ มีที่มาจากชวา แต่นำมาปรับจนเป็นรสชาติแบบไทยมากยิ่งขึ้น ปรับเครื่องปรุงสวนผสมนิดให้เป็นรสที่ถูกปากคนในครอบครัว


2.แกงรัญจวน 
แกงเนื้อวัวชามร้อนซึ่งเป็นการนำเนื้อวัวที่เหลือจากงานเลี้ยงมาต้มใหม่ ใส่ตะไคร้ ใบโหระพา กระเทียม หอมแดง แล้วตำนํ้าพริกกะปิใส่ลงไป ส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน จนใคร ๆ ต่างถามว่า “แกงนี้ใครทำ… มันช่างหอมรัญจวน” จึงเป็นที่มาของชื่อแกงรัญจวน ต้องรับประทานในขณะที่ยังร้อน โดยค่อย ๆ ละเลียดชิมรส ไม่เช่นนั้นอาจจะสำลักกลิ่นสมุนไพรทั้งหลายได้


3.แกงปลาย่างใบตำลึง 
รสกลมกล่อม เรียกน้ำลายสอ ได้จากใครหลายๆ 





5 ขนมไทยหาทานยาก

ขนมพระพาย 

ขนมพระพายเป็นหนึ่งในขนมไทยดั้งเดิมที่นิยมใช้ในพิธีแต่งงานมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยตัวขนมจะมีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียวที่นำไปนวดกับน้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำลอยดอกไม้สดใส่สีต่างๆ แล้วนำมาแผ่เพื่อหุ้มไส้ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ทานคู่น้ำกะทิที่ราดมาบนตัวขนม


ข้าวตอกตั้ง 

ขนมข้าวตอกตั้งขนมไทยโบราณที่มีข้าวตอกเป็นวัตถุดิบหลัก วิธีการทำคือจะนำข้าวตอกมาตำ จากนั้นนำน้ำตาลโตนดมาเคี่ยวกับมะพร้าว เคี่ยวจนเหนียวเข้ากันจึงใส่ข้าวตอกลงไปและคนให้เข้ากันอีกที เมื่อได้เรียบร้อยก็นำมาปั้นให้เป็นลูก แล้วคลุกด้วยข้าวตอกให้จับตัวกัน แล้วนำไปอบควันเทียนให้ได้กลิ่นหอม ๆ 



ข้าวเหนียวหน้านวล

ข้าวเหนียวหน้านวลขนมไทยโบราณที่มีส่วนของผสมของข้าวเหนียวและกะทิเป็นหลัก โดยนำข้าวเหนียวที่ราดหางกะทิไปนึ่ง ส่วนตัวหน้าก็จะนำหัวกะทิไปผสมกับแป้งข้าวเจ้าแล้วราดลงบนข้าวเหนียวที่นึ่งแล้ว แล้วจึงนำไปนึ่งต่อจนได้ที่ แต่งหน้าด้วยถั่วดำ แล้วตัดเป็นสี่เหลี่ยม 

ส้มฉุน
ส้มฉุนของหวานแบบโบราณที่นำเอาผลไม้ตามฤดูกาลมาคว้านเอาเมล็ดออกด้วยความประณีต ทั้ง ขนุน ลำไย เงาะ มะปราง มะม่วง เป็นต้น แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับของหวานชนิดนี้คือ ลิ้นจี่ ที่ปอกเปลือกออก แล้วคว้านเมล็ดออก จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเชื่อมน้ำใบเตยและดอกมะลิ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจาก ส้มซ่า ผลไม้ตระกูลส้มที่หาได้ยากในสมัยนี้ เสิร์ฟมาในถ้วยแล้วโรยด้วยมะม่วงเปรี้ยว ขิงอ่อน และหอมเจียว ถือเป็นเมนูคลายร้อนนี้โบราณที่ดีจริง ๆ  


เสน่ห์จันทน์

เสน่ห์จันทน์ขนมไทยโบราณที่ลักษณะคล้ายลูกจันทน์ถือเป็นขนมมงคลที่มักเห็นในงานมงคลต่าง ๆ มีส่วนผสมของแป้ง กะทิ ไข่ น้ําตาล และผงลูกจันทน์ป่น ที่นำมากวนรวมกันแล้วนํามาปั้นเป็นลูกจันทน์




ขนมไทยในแต่ละภาค

ขนมไทยภาคเหนือ


ส่วนใหญ่จะทำจากข้าวเหนียว และส่วนใหญ่จะใช้วิธีการต้ม เช่น ขนมเทียน ขนมวง ข้าวต้มหัวหงอก มักทำกันในเทศกาลสำคัญ เช่นเข้าพรรษา สงกรานต์
ขนมที่นิยมทำในงานบุญเกือบทุกเทศกาลคือขนมเทียนหรือขนมจ๊อก ขนมที่หาซื้อได้ทั่วไปคือ ขนมปาดซึ่งคล้ายขนมศิลาอ่อน ข้าวอีตูหรือข้าวเหนียวแดง ข้าวแตนหรือข้าวแต๋น ขนมเกลือ ขนมที่มีรับประทานเฉพาะฤดูหนาว ได้แก่ ข้าวหนุกงา ซึ่งเป็นงาคั่วตำกับข้าวเหนียว ถ้าใส่น้ำอ้อยด้วยเรียกงาตำอ้อย ข้าวแคบหรือข้าวเกรียบว่าว ลูกก่อ ถั่วแปะยี ถั่วแระ ลูกลานต้ม
ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขนมพื้นบ้านได้แก่ ขนมอาละหว่า ซึ่งคล้ายขนมหม้อแกง ขนมเปงม้ง ซึ่งคล้ายขนมอาละหว่าแต่มีการหมักแป้งให้ฟูก่อน ขนมส่วยทะมินทำจากข้าวเหนียวนึ่ง น้ำตาลอ้อยและกะทิ ในช่วงที่มีน้ำตาลอ้อยมากจะนิยมทำขนมอีก 2 ชนิดคือ งาโบ๋ ทำจากน้ำตาลอ้อยเคี่ยวให้เหนียวคล้ายตังเมแล้วคลุกงา กับ แปโหย่ ทำจากน้ำตาลอ้อยและถั่วแปยี มีลักษณะคล้ายถั่วตัด

ขนมไทยภาคกลาง


ส่วนใหญ่ทำมาจากข้าวเจ้า เช่น ข้าวตัง นางเล็ด ข้าวเหนียวมูน และมีขนมที่หลุดลอดมาจากรั้ววัง จนแพร่หลายสู่สามัญชนทั่วไป เช่น ขนมกลีบลำดวน ลูกชุบ หม้อข้าวหม้อแกง ฝอยทอง ทองหยิบ ขนมตาล ขนมกล้วย ขนมเผือก เป็นต้น

ขนมไทยภาคอีสาน



เป็นขนมที่ทำกันง่ายๆ ไม่พิถีพิถันมากเหมือนขนมภาคอื่น ขนมพื้นบ้านอีสานได้แก่ ข้าวจี่ บายมะขามหรือมะขามบ่ายข้าว ข้าวโป่ง [9]นอกจากนั้นมักเป็นขนมในงานบุญพิธี ที่เรียกว่า ข้าวประดับดิน โดยชาวบ้านนำข้าวที่ห่อใบตอง มัดด้วยตอกแบบข้าวต้มมัด กระยาสารท ข้าวทิพย์ ข้าวยาคู ขนมพื้นบ้านของจังหวัดเลยมักเป็นขนมง่ายๆ เช่น ข้าวเหนียวนึ่งจิ้มน้ำผึ้ง ข้าวบ่ายเกลือ คือข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนจิ้มเกลือให้พอมีรสเค็ม ถ้ามีมะขามจะเอามาใส่เป็นไส้เรียกมะขามบ่ายข้าว น้ำอ้อยกะทิ ทำด้วยน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเหนียว ใส่ถั่วลิสงคั่วและมะพร้าวซอย ข้าวพองทำมาจากข้าวตากคั่วใส่มะพร้าวหั่นเป็นชิ้นๆ และถั่วลิสงคั่ว กวนกับน้ำอ้อยจนเหนียวเทใส่ถาด ในงานบุญต่างๆจะนิยมทำขนมปาด (คล้ายขนมเปียกปูนของภาคกลาง) ลอดช่อง และขนมหมก (แป้งข้าวเหนียวโม่ ปั้นเป็นก้อนกลมใส่ไส้กระฉีก ห่อเป็นสามเหลี่ยมคล้ายขนมเทียน นำไปนึ่ง) 

ขนมไทยภาคใต้


ชาวใต้มีความเชื่อในเทศกาลวันสารท เดือนสิบ จะทำบุญด้วยขนมที่มีเฉพาะในท้องถิ่นภาคใต้เท่านั้น เช่น ขนมลา ขนมพอง ข้าวต้มห่อด้วยใบกะพ้อ ขนมบ้าหรือขนมลูกสะบ้า ขนมดีซำหรือเมซำ ขนมเจาะหูหรือเจาะรู ขนมไข่ปลา ขนมแดง เป็นต้น
ตัวอย่างของขนมพื้นบ้านภาคใต้ได้แก่ 
  • ขนมหน้าไข่ ทำจากแป้งข้าวเจ้านวดกับน้ำตาล นำไปนึ่ง หน้าขนมทำด้วย กะทิผสมไข่ น้ำตาล เกลือ ตะไคร้และหัวหอม ราดบนตัวขนม แล้วนำไปนึ่งอีกครั้ง
  • ขนมฆีมันไม้ เป็นขนมของชาวไทยมุสลิม ทำจากมันสำปะหลังนำไปต้มให้สุก โรยด้วยแป้งข้าวหมาก เก็บไว้ 1 คืน 1 วันจึงนำมารับประทาน
  • ขนมจู้จุน ทำจากแป้งข้าวเจ้านวดกับน้ำเชื่อม แล้วเอาไปทอด มีลักษณะเหนียวและอมน้ำมัน
  • ขนมคอเป็ด ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับแป้งข้าวเหนียว นวดรวมกับไข่ไก่ รีดเป็นแผ่น ตัดเป็นชิ้นๆ เอาไปทอด สุกแล้วเอาไปเคล้ากับน้ำตาลโตนดที่เคี่ยวจนเหนียวข้น
  • ขนมคนที ทำจากใบคนที ผสมกับแป้งและน้ำตาล นึ่งให้สุก คลุกกับมะพร้าวขูด จิ้มกับน้ำตาลทราย
  • ขนมกอแหละ ทำจากแป้งข้าวเจ้ากวนกับกะทิและเกลือ เทใส่ถาด โรยต้นหอม ตัดเป็นชิ้นๆ โรยหน้าด้วย มะพร้าวขูดคั่ว กุ้งแห้งป่น และน้ำตาลทราย
  • ขนมก้านบัว ทำจากข้าวเหนียวนึ่งสุก นำไปโขลกด้วยครกไม้จนเป็นแป้ง รีดให้แบน ตากแดดจนแห้ง ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทอดให้สุก ฉาบด้วยน้ำเชื่อม
  • ข้าวเหนียวเชงา เป็นข้าวเหนียวนึ่งสุก ตำผสมกับงาและน้ำตาลทราย
  • ข้าวเหนียวเสือเกลือก คล้ายข้าวโพดคลุกของภาคกลางแต่เปลี่ยนข้าวโพดเป็นข้าวเหนียวนึ่งสุกและใส่กะทิด้วย
  • ขี้หมาพองเช มีลักษณะเป็นก้อนๆ ทำจากข้าวเหนียวคั่วสุกจนเป็นสีน้ำตาล ตำให้ละเอียดเคล้ากับมะพร้าวขูด น้ำตาลโตนดที่เคี่ยวจนข้น เคล้ให้เข้ากันดี แล้วปั้นเป็นก้อน
  • ขนมดาดา เป็นขนมของชาวไทยมุสลิม ใช้ในโอกาสเดียวกับฆานม ประกอบด้วยข้าวเจ้า ข้าวเหนียวผสมน้ำบดให้ละเอียด นำไปละเลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ พับให้เป็นแผ่น กินกับน้ำตาลเหลว
  • ขนมกรุบ นิยมทำกันในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้แป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำอุ่น นำไปรีดให้แผ่บางบนใบตอง นำไปนึ่งแล้วตากแดดให้แห้ง แล้วทอดให้กรอบคลุกกับน้ำตาลที่เคี่ยวเป็นยางมะตูม
  • ขนมก้องถึ่ง ทำจากถั่วลิสงคั่ว คลุกกับน้ำตาลร้อนๆ แล้วใช้ไม้ทุบให้ละเอียดจนเป็นแผ่น ตัดเป็นชิ้น